ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - วิจัยชี้ สูบบุหรี่ไฟฟ้าทำร้าย DNA - Short Clip
World Trend - รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่ยาครอบจักรวาล - Short Clip
World Trend - แอปเปิลปลดพนักงานพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ 200 คน - Short Clip
World Trend - อ้วนไป-ผอมไป ลดอายุขัยลง 4 ปี - Short Clip
World Trend - ชาวกานารุ่นใหม่หันทำเกษตรแบบมีสไตล์ - Short Clip
World Trend - สตาร์บัคส์วางกำหนดเลิกใช้หลอดพลาสติก - Short Clip
World Trend - 'ชุดเช่า' เทรนด์ธุรกิจแฟชั่นที่ยังไปได้อีกไกล - Short Clip
World Trend - เนเธอร์แลนด์ลงทุนเพิ่มให้คนใช้จักรยานมากขึ้น - Short Clip
World Trend - 'มาตรการรักษ์โลก' การแข่งขันอีกมิติของบริษัทไอที - Short Clip
World Trend - นักวิจัยแนะใช้โซเชียลมีเดียวันละ 30 นาที - Short Clip
World Trend - จีนเป็นหนึ่งในประเทศเปิดรับผู้หญิงในอีสปอร์ต - Short Clip
World Trend - อังกฤษปรับ 'เพศศึกษา' ให้ครอบคลุมกว้างกว่าเดิม - Short Clip
World Trend - 'สังคมไร้เงินสด' อาจได้ไม่คุ้มเสีย - Short Clip
World Trend - หลายบริษัทในจีนห้ามพนักงานซื้อผลิตภัณฑ์ 'แอปเปิล' - Short Clip
World Trend - บริษัทต่างชาติพึ่ง 'อาลีบาบา' เพื่อผลิตสินค้าโดนใจชาวจีน - Short Clip
World Trend - Oppo เลิกกิจการเครื่องเสียง-เครื่องเล่นบลูเรย์  - Short Clip
World Trend - เน็ตฟลิกซ์ขึ้นราคาทำลูกค้ารายได้น้อยเลิกดู - Short Clip
World Trend - ​Google จ่ายค่าแรง 'ผู้ชาย' น้อยกว่า 'ผู้หญิง' - Short Clip
World Trend - 'รถยนต์ไร้คนขับ' เปลี่ยนเกมวงการประกันภัย? - Short Clip
World Trend - EU หนุนการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์ในไทย - Short Clip
World Trend - ทีมแพทย์พัฒนา 'รังไข่เทียม' ช่วยผู้ป่วยมะเร็งให้มีบุตร - Short Clip
Jul 4, 2018 10:15

ทีมแพทย์ในเดนมาร์กคิดค้น 'รังไข่เทียม' เพื่อเตรียมต่อยอดเป็นทางเลือก สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่สูญเสียระบบสืบพันธุ์ระหว่างการรักษา ให้สามารถมีบุตรได้

ทีมแพทย์ในกรุงโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก สามารถพัฒนา 'รังไข่เทียม' จากเนื้อเยื่อมนุษย์ขึ้นภายในห้องทดลอง เพื่อเป็นทางออกสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการมีบุตร ในกรณีที่การรักษาด้วยการเคมีบำบัด การฉายรังสี หรือวิธีรักษาอื่น ๆ ไปทำลายระบบสืบพันธุ์เพศหญิง โดยรังไข่เทียมนี้สามารถรักษาไข่ไว้ภายในได้ครั้งละหลายสัปดาห์ ถือเป็นการช่วยแก้ปัญหาผู้ป่วยมะเร็งเพศหญิงที่หมดโอกาสในการมีบุตรขึ้นไปอีกขั้น

นอกจากนี้ หลักการนำรังไข่เทียมไปใช้ยังอาจช่วยผู้ป่วยโรคเอ็มเอส หรือ มัลติเพิล สเคลอโรซิส และโรคโลหิตจาง บีตา ทาลัสซีเมีย ได้ด้วย เพราะกระบวนการรักษาทั้งสองโรคส่งผลเสียต่อระบบสืบพันธุ์เช่นเดียวกัน ขณะที่ ผู้หญิงที่ใกล้วัยหมดประจำเดือนก็อาจเป็นอีกกลุ่มตัวอย่างที่ได้ประโยชน์จากวิทยาการใหม่นี้

ปัจจุบัน ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งมีทางเลือกที่จะเก็บเนื้อเยื่อรังไข่และแช่แข็งไว้ก่อนรับการรักษา โดยเมื่อรักษาจนหายดีแล้ว ค่อยนำเนื้อเยื่อมาละลายและใส่กลับเข้าร่างกายอีกครั้ง ซึ่งวิธีเช่นนี้จะใช้ไม่ได้กับผู้ป่วยมะเร็งรังไข่และมะเร็งเม็ดเลือด หรือ ลูคีเมีย เพราะเนื้อเยื่อที่เก็บไว้อาจเป็นเนื้อร้าย เมื่อใส่กลับเข้าร่างกายจะเพิ่มความเสี่ยงที่มะเร็งจะกลับมาลุกลามอีกครั้ง การแช่แข็งเนื้อเยื่อรังไข่จึงเป็นวิธีที่แพทย์จะไม่แนะนำให้ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงทำ

ซูซาน พอร์ส หนึ่งในทีมวิจัย เชื่อว่า รังไข่เทียมจะกลายเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าวิธีเดิม ๆ สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการมีบุตร และความสำเร็จในการพัฒนารังไข่เทียมครั้งนี้ถือเป็นก้าวกระโดดสำคัญของวงการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี ก่อนจะนำมาใส่ในร่างกายได้จริง โดยเบื้องต้น เธอคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี ก่อนที่วิธีดังกล่าวจะปลอดภัยพอ


Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog