บัดไวเซอร์ส่งข้าวบาร์เลย์ขึ้นไปกับยานอวกาศของสเปซเอ็กซ์ เพื่อทดลองวิจัยความเปลี่ยนแปลงของเมล็ดพันธุ์บนอวกาศ ซึ่งอาจทำให้ได้เบียร์รสชาติแปลกใหม่ และเหมาะสมกับที่จะดื่มระหว่างทริปไปอวกาศ
ยานอวกาศของสเปซเอ็กซ์เตรียมส่งข้าวบาร์เลย์ขึ้นไปบนอวกาศ โดยข้าวบาร์เลย์ล็อตนี้จะขึ้นไปพร้อมกับเสบียงอาหารและสิ่งของจำเป็นที่สเปซเอ็กซ์ของนายอีลอน มัสก์ และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ นาซา ทำข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสบียงสำหรับนักบินอวกาศทั้ง 6 คนที่ประจำการอยู่ที่สถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS
การส่งข้าวบาร์เลย์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยของบริษัทบัดไวเซอร์ โดยข้าวบาร์เลย์ล็อตนี้จะไปอยู่บนอวกาศเป็นเวลา 1 เดือนก่อนนำกลับลงมาวิจัย เพื่อหาว่า เมล็ดข้าวบาร์เลย์จะตอบสนองกับสภาพแวดล้อมที่ไร้แรงโน้มถ่วงอย่างไรบ้าง และการเข้าใจชีวภาพของข้าวบาร์เลย์ก็อาจเป็นกุญแจสำคัญให้บัดไวเซอร์ค้นพบวิธีผลิตเบียร์ที่เหมาะสำหรับคนที่จะเดินทางไปดาวอังคารอย่างที่บัดไวเซอร์เคยประกาศไว้
นายริการ์โด มาร์เกซ รองประธานบริษัทบัดไวเซอร์ฝ่ายการตลาดยอมรับว่า แผนที่จะบ่มเบียร์จากอวกาศของบัดไวเซอร์อาจฟังดูเป็นเพียงกิมมิคที่ไม่จริงจังอะไร และโครงการนี้ก็ใช้งบการตลาด ไม่ใช่งบส่วนการวิจัย แต่เขาเห็นว่า การท่องเที่ยวอวกาศกำลังเป็นเทรนด์ร้อนที่ใครๆ ก็พูดถึง จึงไม่ควรปล่อยเทรนด์นี้ผ่านไปโดยไม่ฉกฉวยโอกาสในการทำการตลาด อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่วิทยาศาสตร์ การทดลองนี้ก็อาจเป็นไปได้จริง
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ศูนย์วิจัยสถานีอวกาศร่วมมือในโครงการส่งข้าวบาร์เลย์ขึ้นไปบนอวกาศ ก็เพราะที่ผ่านมา สถานีอวกาศนานาชาติก็เคยมีโครงการวิจัยหลายโครงการที่ศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างของเมล็ดพันธุ์พืชที่นำไปปลูกบนอวกาศกับที่ปลูกบนโลก เพื่อหาทางบรรเทาความกังวลของหลายฝ่ายในปัจจุบันว่า การที่โลกร้อนขึ้น สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หรือเกิดอะไรที่ทำให้มนุษย์เข้าถึงอาหาร หรือผลิตอาหารได้ยากขึ้น การศึกษาเกี่ยวกับพืชพันธุ์บนอวกาศก็อาจทำให้ค้นพบทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ
ในท้ายที่สุด หากโครงการผลิตเบียร์อวกาศไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่บัดไวเซอร์ตั้งใจไว้ ก็ยังถือได้ว่าเป็นการลงทุนด้านการตลาดที่คุ้มค่า เพราะแบรนด์บัดไวเซอร์จะกลายเป็นแบรนด์ที่คนนึกถึงในแง่ของความกล้าหาญ ท้าทายข้อจำกัดต่างๆ และแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค