คำพูดของไบเดนต่อสีในครั้งนี้ มีขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าพบกับประธานาธิบดีจีน เพื่อหารือกันในกรุงปักกิ่ง ซึ่งมีเป้าหมายการเจรจาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ระหว่างสองมหาอำนาจที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน
ก่อนหน้านี้ สีกล่าวหลังจากการเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า มีความคืบหน้าบางอย่างเกิดขึ้นในกรุงปักกิ่ง ขณะที่บลิงเคนระบุว่าทั้งสองฝ่ายมีท่าทีที่เปิดกว้าง สำหรับการเจรจาในรอบเพิ่มเติม
หลังจากความเห็นของไบเดนว่าสีเป็นเผด็จการในครั้งนี้ ทางการจีนยังคงไม่ออกมาตอบสนองต่อความคิดเห็นของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่อย่างใด
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางมาเข้าร่วมงานระดมทุนเมื่อคืนวันอังคาร (20 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยไบเดนยังกล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีจีนรู้สึกอับอายต่อความตึงเครียดล่าสุด เกี่ยวกับเหตุบอลลูนสอดแนมของจีนที่ถูกพัดออกนอกเส้นทางมาเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ
“สาเหตุที่ สีจิ้นผิง อารมณ์เสียมาก ในแง่ของการที่ผมยิงบอลลูนนั้นตก โดยมันมีอุปกรณ์สอดแนมอยู่เต็ม 2 คันรถในนั้น เขาไม่รู้ว่ามีมัน (อุปกรณ์สอดแนม) อยู่ในนั้น” ไบเดนกล่าว “นั่นเป็นความอับอายอย่างยิ่งสำหรับเผด็จการ เมื่อพวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
การเยือนกรุงปักกิ่งของบลิงเคน นับเป็นการเดินทางเยือนจีนครั้งแรกของนักการทูตระดับสูงสหรัฐฯ ในรอบเกือบ 5 ปี โดยการหารือในครั้งนี้ได้เริ่มต้นการสื่อสารระดับสูงระหว่างทั้งสองประเทศอีกครั้ง
ทั้งไบเดนและสีต่างกล่าวยกย่องว่า การพูดคุยในครั้งนี้นับเป็นพัฒนาการทางความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับจีนที่น่ายินดี แต่บลิงเคนได้ชี้แจงอย่างชัดเจน ถึงความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และจีน มีความขัดแย้งกันมานานในประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นการค้า สิทธิมนุษยชน และไต้หวัน
อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติย่ำแย่ลง โดยเฉพาะในปีที่ผ่านมา ในขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้เข้ามาถึง และความตึงเครียดกับจีนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง โดยวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันบางคนโจมตีรัฐบาลของไบเดนว่า "อ่อนแอ" ต่อจีน
ที่มา: