ไม่พบผลการค้นหา
ทางการเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกเมื่อวันอังคาร (14 มี.ค.) นับเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันของเกาหลีเหนือ และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ เริ่มการซ้อมรบร่วมกันครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี

สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้เพิ่มความร่วมมือด้านการป้องกัน ในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทางทหารและนิวเคลียร์ที่เพิ่มขึ้นจากเกาหลีเหนือ ซึ่งได้ดำเนินการทดสอบอาวุธต้องห้าม ที่มีความยั่วยุมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

“กองทัพของเราตรวจพบขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกที่ยิงไปทางทะเลตะวันออกจากพื้นที่จางยอน ในจังหวัดฮวังแฮใต้ ตั้งแต่เวลา 0741 (2241 GMT) ถึง 0751” เสนาธิการร่วมกล่าวในแถลงการณ์ โดยอ้างถึงพื้นที่ทางทะเลอย่างทะเลญี่ปุ่น “กองทัพของเราได้เพิ่มการเฝ้าระวัง และการระมัดระวังเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยิงเพิ่มเติม ในขณะที่ยังคงเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ”

การยิงขีปนาวุธครั้งนี้ของเกาหลีเหนือ มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเกาหลีเหนือเองยิง "ขีปนาวุธร่อนเชิงกลยุทธ์" 2 ลูกจากเรือดำน้ำ เพื่อประท้วงการซ้อมรบระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ ภายใต้ชื่อการซ้อมรบร่วม Freedom Shield ทั้งนี้ การซ้อมรบเริ่มต้นในวันจันทร์ (13 มี.ค.) และจะดำเนินการออกไปเป็นเวลา 10 วันโดยเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันในการร่วมซ้อมรบของกลุ่มพันธมิตร เป็นไปเพื่อการตอบโต้ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของเกาหลีเหนือ

ในความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก กองทัพของเกาหลีใต้เปิดเผยว่าในเดือนนี้ หน่วยกองกำลังพิเศษของกลุ่มพันธมิตรกำลังจัดเตรียมการฝึกซ้อมทางทหารที่มีชื่อเรียกว่า "Teak Knife" ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจำลองการโจมตีอย่างแม่นยำบนสถานที่สำคัญในเกาหลีเหนือ ก่อนเริ่มการซ้อมรบ Freedom Shield ในสัปดาห์นี้

การฝึกซ้อมรบร่วม Freedom Shield มุ่งเน้นไปที่ “สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป” เนื่องจากความก้าวร้าวที่ทวีคูณขึ้นของเกาหลีเหนือ โดยกลุ่มชาติพันธมิตรกล่าวว่าพวกเขาจะ “เกี่ยวข้องกับกระบวนการในช่วงสงคราม เพื่อขับไล่การโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากเกาหลีเหนือ และดำเนินการรณรงค์รักษาเสถียรภาพในเกาหลีเหนือ” กองทัพเกาหลีใต้ระบุ

กองทัพเกาหลีใต้ยังเน้นย้ำอีกว่าการฝึกซ้อมเป็น "การป้องกันตามแผนปฏิบัติการรวม" แต่เกาหลีเหนือมองว่าการซ้อมรบดังกล่าวของชาติพันธมิตรทั้งหมด เป็นการซ้อมรบเพื่อการรุกรานเกาหลีเหนือ และทางการเกาหลีเหนือได้ออกมาเตือนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า พวกเขาจะดำเนินการตอบโต้อย่าง “ท่วมท้น”

เมื่อปีที่แล้วเกาหลีเหนือประกาศตนเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์อัน “เปลี่ยนแปลงไม่ได้” และเกาหลีเหนือยังทำการยิงขีปนาวุธจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้สั่งการให้กองทัพเกาหลีเหนือซ้อมรบอย่างเข้มข้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ “สงครามจริง” ที่อาจเกิดขึ้น 

ในทางตรงกันข้าม สหรัฐฯ ได้ย้ำคำมั่นสัญญาในหลายครั้งที่จะ “หุ้มเกราะ” การปกป้องเกาหลีใต้ รวมถึงใช้ “ขีดความสามารถทางทหารเต็มรูปแบบ รวมถึงนิวเคลียร์” ในขณะที่เกาหลีใต้ได้มีความกระตือรือร้นที่จะสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชนที่มีความกังวลมากขึ้น เกี่ยวกับความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ต่อการป้องปรามแบบขยาย ซึ่งสหรัฐฯ ได้ใช้ทรัพยากรทางการทหาร รวมถึงอาวุธนิวเคลียร์ ในการทำหน้าที่ป้องกันการโจมตีชาติพันธมิตร

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่าเกาหลีเหนืออาจใช้การฝึกซ้อม เพื่อเป็นข้ออ้างในการยิงขีปนาวุธมากขึ้น และอาจถึงขั้นทดสอบนิวเคลียร์ “ควรมีการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติมด้วยรูปแบบและขอบเขตที่หลากหลาย แม้กระทั่งการทดสอบนิวเคลียร์ การข่มขู่ที่มากขึ้นจากเกาหลีเหนือไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ” ชุนอินบอม นายพลเกษียณจากกองทัพเกาหลีใต้กล่าว

นอกจากนี้ การทดสอบยิงขีปนาวุธยังเป็นโอกาสสำหรับเกาหลีเหนือ ที่จะพยายามแสดงให้เห็นว่า “เหตุผลในการพัฒนาขีปนาวุธนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อการป้องกันตนเอง” โกมยองฮยอน นักวิจัยจากสถาบันอาซันเพื่อการศึกษานโยบายในกรุงโซลกล่าว


ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2023/mar/14/north-korea-escalates-tensions-with-fresh-ballistic-missile-tests?CMP=Share_AndroidApp_Other&fbclid=IwAR0c569zUL2EZPnQYR_eMA_rc4sDht6xcMxgz-K0rB9HN1FMqaiUMbn1SQQ