'โซนี่' ธุรกิจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศว่าบริษัทจะต้องเร่งปฏิรูปองค์กร เพื่อรับมือกับความเสี่ยง ก่อนที่จะเปิดตัวธุรกิจใหม่ และจะเน้นใช้เทคโนโลยีที่ตัวเองถนัดมาพัฒนาสินค้า เพื่อให้แข่งขันได้มากขึ้น
โซนี่ เปิดเผยว่า ในไตรมาสล่าสุด บริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานในหมวดธุรกิจอุปกรณ์สื่อสารถึง 172 พันล้านเยน หรือประมาณ 4 หมื่น 7 พันล้านบาท ทำให้บริษัท จำเป็นต้องปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อให้เอื้อต่อการบริหารความเสี่ยง ก่อนที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพราะอาจต้องใช้เวลานานหลายปีในการประสานเทคโนโลยีและพัฒนาผลิตภัณฑ์
นายฮิโรกิ โตโตกิ ผู้บริหารโซนี่กรุ๊ป และผู้บริหารใหญ่คนใหม่ของโซนี่ โมบาย คอมมูนิเคชั่น มองว่า อุปกรณ์ที่มีฟังก์ชั่นในการสื่อสาร ยังคงมีศักยภาพที่จะพัฒนาและทำเงินได้ให้แก่โซนี่ได้ แม้ขณะนี้ ธุรกิจสมาร์ทโฟนของโซนี่ จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากผลงานที่ย่ำแย่ในตลาดเกิดใหม่ และต้องเผชิญการแข่งขันจากคู่แข่งหลายราย เช่น ซัมซุง และ แอปเปิล
จึงต้องเน้นเทคโนโลยีของตัวเองที่ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะเซ็นเซอร์กล้อง ที่เป็นส่วนสำคัญของกล้องดิจิตอล ให้มากขึ้น เพราะเป็นเรื่องยากที่โซนี่ จะแข่งขันในตลาดระดับล่าง ที่เน้นสินค้าราคาถูก เพราะบริษัทยังตามหลังคู่แข่งจากจีนในเรื่องการแข่งขันด้านต้นทุน
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โซนี่ประกาศตัวเลขขาดทุนงวด 6 เดือน ที่ 109.1 พันล้านเยน หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท นับเป็นผลประกอบการที่ย่ำแย่ต่อเนื่อง แม้ค่าเงินเยนจะอ่อนตัวลงไปแตะ 118 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ จากที่เคยแข็งค่าอยู่ที่ 80 เยนต่อ 1 ดอลลาร์ เมื่อ 2 ปีก่อน และโซนี่ เคยประกาศจะเลิกจ้างพนักงาน 15% ทั่วโลกในธุรกิจสมาร์ทโฟน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1 พันตำแหน่ง และไม่จ่ายเงินปันผลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่บริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นที่กรุงโตเกียว เมื่อปี 1958 (ปี 2501)