World On Web ประจำวันที่ 10 พฤษภาคม 2559    

Philippines Star หนังสือพิมพ์รายวันของฟิลิปปินส์ ที่ยังเกาะติดการนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี และวุฒิสมาชิก รวมถึงตำแหน่งในรัฐบาลท้องถิ่น ปรากฏว่าจนถึงตอนนี้ ตัวเต็งอย่างนายโรดริโก ดูแตร์เต ผู้ที่ได้รับฉายาว่าโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งฟิลิปปินส์ ได้คะแนนนำห่างเป็น 15 ล้านเสียงแล้ว น่าจะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด เพราะมานูเอล โรซาส ที่ 2 ได้แค่ 9 ล้านคะแนน ส่วนเกรซ โป ที่ได้คะแนนเป็นที่ 3 ได้เพียง 8 ล้านคะแนน และประกาศยอมแพ้ไปแล้ว 

นอกจากนี้ การเลือกตั้งรองประธานาธิบดีก็น่าสนใจไม่แพ้กัน วุฒิสมาชิกเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้คะแนนนำโด่ง ทำให้รัฐบาลฟิลิปปินส์สมัยที่กำลังจะมาถึง จะเป็นคู่หูดูแตร์เต-มาร์กอส ที่คนหนึ่งชื่นชมเผด็จการอย่างออกนอกหน้าและมีแนวนโยบายเด็ดขาด ส่วนอีกคนก็เป็นบุตรชายของจอมเผด็จการที่ปกครองประเทศยาวนานถึง 21 ปี
    
BBC ยังติดตามเรื่องการเลือกตั้งฟิลิปปินส์เช่นกัน โดยพาดหัวว่าดูแตร์เตได้ออกมาประกาศชัยชนะเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ผลคะแนนยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากคะแนนที่เขาได้ทิ้งห่างคู่แข่งอย่างมาก โดย BBC รายงานว่าผลเลือกตั้งนี้ไม่น่าแปลกใจ เพราะดูแตร์เตเป็นผู้สมัครตัวเต็งอยู่แล้วตั้งแต่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง เนื่องจากประชาชนชื่นชอบนโยบายปราบปรามอาชญากรรมอันเด็ดขาดของดูแตร์เต โดยเขาประกาศว่าจะ "แล่เนื้อ" กำจัดบรรดาอาชญากรให้สิ้นซาก

ดูแตร์เตบอกว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขามาจากนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งของกฎหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม โดยในสุนทรพจนน์ประกาศชัยชนะ ดูแตร์เตยืนยันกับประชาชนว่าจะทำให้ดีที่สุดไม่ใช่เฉพาะในยามตื่นเท่านั้น แต่รวมถึงในยามหลับด้วย

        
CNN ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องโดนัลด์ ทรัมป์แห่งฟิลิปปินส์ เท่ากับโดนัลด์ ทรัมป์ตัวจริง ที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นตัวจริงของพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปลายปีนี้ โดย CNN รายงานว่าผู้นำโลกเริ่มเปลี่ยนท่าทีเหยียดหยามเคลือบแคลงที่มีต่อทรัมป์มาโดยตลอด และหันมาให้การยอมรับเขามากขึ้นหลังจากแน่นอนแล้วว่าทรัมป์จะได้เป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งก็หมายความว่าแม้จะมีโอกาสน้อย แต่ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสหรัฐฯในอนาคตอันใกล้

ในการแถลงข่าวร่วมกับนายชินโซ อาเบะ นายกฯญี่ปุ่น นายเดวิด คาเมรอน นายกฯอังกฤษ ผู้เคยกล่าวหานโยบายห้ามมุสลิมเข้าสหรัฐฯของทรัมป์ว่าเป็นนโยบายสร้างความแตกแยก ผิดพลาด และโง่เง่า บอกว่าผู้นำโลกควรเคารพทรัมป์ที่สามารถผ่านศึกหยั่งเสียงเลือกตั้งมาได้ ทำให้นายอาเบะ ซึ่งเคยถูกทรัมป์กดดันให้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ถึงกับอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมา แต่คาเมรอนก็ย้ำว่า เขายังคงเห็นว่านโยบายของทรัมป์เป็นนโยบายที่ผิดอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง